บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย ดังนี้
บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อยในงบการเงินเฉพาะ กิจการจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐาน การบัญชี ฉบับที่ 44 โดยบริษัทฯ ได้ปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินที่แสดงเปรียบเทียบด้วย ทั้งนี้ เงินลงทุนในบริษัทย่อย ที่แสดงอยู่ในงบการเงินเฉพาะกิจการนั้นบันทึกโดยใช้ราคาทุนเดิม (Historical Cost)เป็นราคาทุนเริ่มต้น ซึ่งการ เปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวทำให้กำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะกิจการไม่เท่ากับกำไรสุทธิในงบการเงินรวม สำหรับ ปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2550 งบการเงินรวมมีกำไรสุทธิ 1,783 ล้านบาทแต่งบการเงินเฉพาะกิจการ มีกำไรสุทธิ 4,725 ล้านบาท และบริษัทฯขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกบัญชีดังกล่าว ทำให้งบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 แสดงกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 2,941 ล้านบาทและ 2,645 ล้านบาท ตามลำดับ (เพิ่มขึ้น 1.35 บาทต่อหุ้นและ 1.22 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ) เนื่องจากงบการเงินเฉพาะกิจการไม่ได้รวมรายการส่วนแบ่งกำไรจากเงิน ลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย
2. ผลกระทบต่อรายการอื่นในงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ได้แก่เงินลงทุนในบริษัทย่อยและกำไรสะสมที่แสดงไว้ในงบดุลเพิ่มขึ้น 516 ล้านบาทและ 713 ล้านบาทตาม ลำดับ ทั้งนี้ผลสะสมของการเปลี่ยนแปลงหลักการบัญชีได้แสดงไว้ในผลสะสมจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการ บัญชีเกี่ยวกับเงินลงทุนในบริษัทย่อยในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ ถือหุ้นเฉพาะกิจการ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าวส่งผลต่อการแสดงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงิน ลงทุนในบริษัทย่อยในงบการเงินเฉพาะกิจการเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อการจัดทำงบการเงินรวมและปัจจัยพื้นฐานการทำ ธุรกิจของบริษัทฯแต่อย่างใด
(นายนริศ เชยกลิ่น)
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)
PDF File News